Zita Review

        คราวนี้เราจะพามา ดูเมนูร้านนี้นะค่ะ  Attico  ที่โรงแรม  Radisson Blu  สุขุมวิทค่ะ เป็นโรงแรมเล็กๆค่ะ ก่อนถึงซอยสุขุมวิท  31  โรงแรมนี้เพิ่งเปิดไม่กี่ปีเองค่ะ  เพราะฉะนั้นยังค่อยข้างใหม่มากค่ะ เราเลือกไปทานร้านนี้เพราะเพื่อน  Recommended  มาค่ะ ว่าดีอาหารใช้ได้ และยิ่งถ้าเราจองผ่าน  App  ที่ชื่อ  Eatigo   นี่จะถูกไป50 %  เลยนะค่ะ แต่ข้อเสียนิดนึง คือคุณจะต้องไปตามเวลาที่นัดนะค่ะเพราะ  App  นี้เค้าจะลดให้ตามกฎที่ว่าลดตามเวลาที่เค้ากำหนดค่ะ (ลองดูรูปที่เอา  Post  ก็จะเห็นนะค่ะ)  ลองไปโหลดมาใช้ดูนะค่ะ            ร้าน  Attico  อยู่ชั้น 28 ค่ะ พอเปิดประตู ลิฟต์ ออกไป จะมีทางเดินทางขวาค่ะ ทาง เดินถูกออก แบบส วยมากค่ะ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาน ะซิพลาดมาก ค่ะ ร้านนี้เป็น ร้านอาหาร  อิ ตาเลียน สไตล์ ทาสคานี่ ค่ะ ทาสคานี่เป็นเมืองในอิตาลีที่อาหารพื้นเมืองเค้าจะรสชาติดีมากค่ะ (เราเองก็เคยไปเมืองนี้มาค่ะ แต่ไม่ได้ทันสังเกตว่าอาหารอร่อยหรือป่าวนะซิ อิอิ)       เราเดินเข้าไป เราได้โต๊ะ 2 ที่นั่งริมหน้าต่างเลยค่ะ วิวสวยมากค่ะ (ก็ชั้น 28 )นะค่ะ ไม่มีตึกอะไรบังเลยค่ะ มุมที่เป็นจะเป็นมุมของตึก  GMM

     วันนี้เรามาเล่าประสบการณ์ของการไปลองร้าน  Bulgogi Brother  ค่ะ เสียดาย ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านมา คือ รีบเดินเข้าไหนะค่ะ บวกกับอารมณ์หิว เลยตรงดิ่งไปนั่งเลยค่ะ  เราเลือกที่จะนั่งด้านในค่ะ วิวหน้าต่างเป็นวิวของ ตึกเอ็ม โพเรียมฝั่งเก่า และสวนค่ะ สวยดีค่ะ  คนที่ไปด้วยเล่าว่าร้านนี้เป็นร้านที่เจ้าของเดียวกับโดนัท  คริส ปี้ครีมค่ะ (คงรู้นะค่ะ ว่าคือใคร)         พอเรานั่งได้ซักแป๊บ ก็มีเครื่องเคียงมาเสริฟค่ะ  มี 5  –  6 จานค่ะ พอดีเราไม่ทานแต่คนที่ไปด้วยทานค่ะ บอกว่า บางจานรสชาติแปลกๆค่ะ เลยไม่ทาน ถ้าเทียบร้านนี้กับร้านที่เราเคนไปทานที่หมู่บ้านเกาหลี ตรงต้นสุขุมวิท เราว่า เครื่องเคียงที่นั่นอร่อยกว่าเยอะเลยค่ะ   อ่อ ร้านนี้ มีข้าวเกรียบกุ้งมาเสริฟด้วยค่ะ อันนี้ออกจะแนวไทยๆค่ะ         มาเริ่มดูเมนูกันนะค่ะ เมนูมีไม่กี่หน้าค่ะ  อาหารก็จะมีเมนูเนื้อบ้าง และพวกสลัด สไตล์เกาหลีค่ะ เราเลือกสั่ง  Seoul style Bulgogi  ค่ะ เป็นเหมือนเนื้อสไลด์เล็กๆ และมีน้ำซุปข้างๆค่ะ และสั่ง Unyang  Style Bulgogi  ค่ะ ก็เป็นเนื้อสไลด์  เราเลือกสั่งเนื้อไทยค่ะ เพราะ เราว่าถึงเวลาจริงๆรสชาติเนื้อไท

        เราเป็นคนนึงค่ะที่อยู่ในกลุ่มผู้มีบุตรยาก พยายามมาเกือบ 3 ปีแล้วค่ะ แต่ก็ไม่สำเร็จเลยต้องพึ่งพาคุณหมอค่ะ          ครั้งแรกที่ทำก็ทำกับที่   นวบุตรค่ะ แต่กับอาจารย์หมออีกคน  (คนนี้ดังมากค่ะ ออกทีวีบ่อยๆ ตำแหน่งสูงในรพ.จุฬาค่ะ)  แล้วรู้สึกเลยค่ะ ว่า แกไม่มีเวลาลงรายละเอียด เพราะคนไข้แกเยอะ เคยรอแก เกือบ 3 ชม. แล้วแกก็รีบๆ บวกกับแกพูดน้อยค่ะ เลยตัดสินใจเปลี่ยนหมอค่ะ   โดยหลังจากที่ทำครั้งแรกไม่ติดก็เลยไปลองฉีดสีดูค่ะ (อันนี้คิดเองนะค่ะ ไม่มีคุณหมอท่านไหน  recommend  ให้ทำ คิดเองทำเองค่ะ ) สรุป เราท่อนำไข่ตันไป  1 ข้างค่ะ ซึ่งคุณหมอบอกว่าการที่ท่อนำไข่ตัน โอกาสท้องเองได้เหลือแค่ 30  %  ค่ะ เพราะการทำงานของมดลูกจะไม่  100%  โดยเราเลยเริ่มทำ ครั้งที่ 2 ค่ะ  เลยเปลี่ยนมาที่ คุณหมอทรงเกียรติ แกดังใน  internet  ในเรื่องความใจเย็น  และละเอียดค่ะ ซึ่งก็จริงค่ะ พอตรวจเลือดคุณหมอบอกเลยว่ามีค่าเลือดบางค่าผิดปกติ คุณหมอจึงให้กลับไปทานยา อีก 2 เดือนค่ะ แล้วค่อยเริ่มค่ะ   (แอบเคืองอยู่ในใจว่าทำไมคุณหมอท่านแรกไม่เห็นเจอเรื่องนี้เลย) พอทานยาไปซัก 2 เดือน ค่าเลือด  ok  แล้วค่ะคราวนี้มาเริ่ม กันหล

       วันนี้เกิดอาการอยากได้ gadget toys อีกแล้วค่ะ เลยอยากมาแก้อาการด้วยการเขียน blog ดีกว่า5555สิ่งที่อยากได้คือ pebble time ค่ะ เชื่อว่าบางคนน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง ข่าวที่ออกมาคือ เมื่อApple เปิดตัว smart watch ของตนเองไม่นานยอดขายของ เจ้าpebble นี่ก็พุ่งกระฉูดเลยค่ะ เหตุผลน่าจะเพราะคนรอเปิดตัวว่า สเปคและราคาขนาดไหน  และการที่คนมาซื้อpebbles น่าจะเพราะ สเปคต่างๆของ pebble แจ่มกว่ามากค่ะ          เจ้า pebble ออกมาครั้งนี้เป็นรุ่นที่3ค่ะ ชื่อคือ pebble time ค่ะ เรามาลองย้อนดู2รุ่นก่อนหน้านี้คร่าวๆ ก่อนนะค่ะ อ้อลองดูรูปก่อนนะค่ะ นี่เลยค่ะ pebble รุ่นแรกออกมาเป็นพลาสติกค่ะ ส่วนตัวเราว่าดูกิ๊กก๊อกไปหน่อยค่ะ ขอข้ามเรื่องสเปคนะค่ะเพราะ สำหรับเราแล้ว เมื่อหน้าตาไม่ผ่านก็จบค่ะเพราะมันนาฬิกาอ่ะค่ะ เป็นจิวเวลรี่อย่างหนึ่งค่ะ          ต่อมาค่ะรุ่นที่2 pebble steel ค่ะ รุ่นนี้ ดูหน้าตาแล้วผ่านค่ะ แมนๆ เปลี่ยนสายเหล็กและหนังได้ด้วยค่ะ เราก็เดินไปแอบจ้องๆมองๆพักใหญ่เลยค่ะ แต่ก็ยังคิดว่าราคามันยังไม่โดนนะค่ะประมาณ8000-9000 เราแอบดูที่ I studio มาค่ะ ส่วนสิ่งที่มันทำได้ก็ จับชีพจร notifications ต่างๆ

เดรสสวยๆอยากได้จริง    สีฟ้าสดใส              

แค่อยากเอาภาพสวยๆที่ RBSC มาฝากค่ะ